Saturday, August 23, 2014

กินอย่างไร ได้อย่างนั้น

(FYI) สรุปบทสัมภาษณ์
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา 
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง รพ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย 
ในรายการ พราวไนท์ ช่อง 9
ทำตัวอย่างไร เราก็จะได้อย่างนั้น
กินอะไรเข้าไป ก็จะได้อย่างนั้น

คุณหมอแนะนำ ดังนี้
* ต้องไม่เครียด(lovely)(Happy)

* กากใยจากผัก(salad) ผลไม้(banana)คือ กากช่วยชีวิต ยิ่งทานเยอะ ยิ่งช่วยชีวิต ช่วยเปลี่ยนหน้าตาแบคทีเรีย หรือ จุลินทรีย์ในลำไส้ให้เป็นชนิดดี

* น้ำส้มคั้นที่เอาแต่น้ำมากิน(juice) และทิ้งกากไป ดื่มไม่มีประโยชน์ เพราะกากนั้น คือ กากช่วยชีวิต

* ตื่นเช้าขึ้นมาให้กินน้ำผักผลไม้ปั่น(bubble tea)โดยไม่ต้องแยกกาก ให้กินทั้งกาก

* ทุเรียนหรือข้าวเหนียวมะม่วง ทานได้ แต่ให้ทานเพียงแค่พอชื่นใจ ไม่ใช่ทานเป็นของหวาน และเมื่อทานทุเรียนหรือข้าวเหนียวมะม่วงมื้อใด ให้งดอาหารหลัก(rice)งดข้าวในมื้อนั้นไปเลย

* ควรดื่มกาแฟ(coffee)เป็นประจำ กาแฟมีคาเฟอีนช่วยชีวิตได้ตั้งแต่หัว จรดเท้า โดยเฉพาะช่วยเรื่องอัลไซเมอร์ โดยต้องเป็นกาแฟดำเท่านั้น และให้กินได้เยอะเท่าที่เราต้องการจะกิน (ยกเว้นคนท้อง ห้ามกินนับตั้งแต่วันที่ไข่ปฏิสนธิกับอสุจิเลย)

* ควรงดทานอาหารหวาน(pudding)(icecream cone) และมัน(fried chicken)(bacon)(potato fries)ทุกประเภท เพราะนอกจากจะเร่งให้เกิดโรคต่างๆ แล้วยังทำให้การขับของเสียจากสมองทำได้ยากขึ้น

* ข่าวดี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคให้ถูกต้อง แม้เริ่มเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป ก็ยังสามารถชะลอโรคอัลไซเมอร์(light bulb)ได้สูงถึง 80-90%

* ผลวิจัยปัจจุบันพบว่า ข้อมูลที่บอกว่ากาแฟ(coffee)ทำให้กระดูกพรุนไม่เป็นความจริง

* คนที่หมดประจำเดือนแล้วกินวิตามินดี(medicine) และแคลเซี่ยมไม่ได้ช่วยป้องกันกระดูกพรุน กระดูกยุบ กระดูกหัก เพราะไม่สามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกให้เพิ่มขึ้นได้ (ที่เขาให้กินเพื่อผลทางการค้า)

* ชอกโกแลต(chocolate) คือสุดยอดอาหารช่วยสมอง ...ขนาดชอกโกแลต ที่มีรสหวานมัน ยังช่วยป้องกันอัมมพฤกษ์ได้ถึง 18 % แต่ถ้าต้องการให้ชะลออัลไซเมอร์และป้องกันอัมมพฤกษ์ได้ ต้องกินแบบไม่หวานมัน (Dark Chocolate) คำว่า Dark Chocolate แปลว่า ต้องมีโกโก้ผสมอยู่มากกว่า 70 % โดยทานทุกวันเป็นประจำ วันละ 1 บาร์ หรือ 1 ช่อง (ยกเว้นชอกโกแลตสีขาว / สีน้ำตาลที่เละๆ เป็นของไม่ดี )

* แนะนำให้ทานถั่วเปลือกแข็งทุกชนิด (ยกเว้นถั่วลิสงอาจจะไม่ช่วยสักเท่าไร) อาทิเช่น อัลมอนท์ เชสนัท วอลนัท(chestnut) มะม่วงหิมพานต์ ฯลฯ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งรสใดๆ ไม่ใส่เนย น้ำมัน เลย ให้ทานเป็นประจำช่วยชีวิตได้ กินได้ไม่อั้น ไม่จำกัดปริมาณ

* พริกหวาน + พริกขี้หนู ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคพาร์คินสัน(rage) ทานเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-4 มื้อ (รายงานนี้ออกมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง)

* ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณปานกลางที่พอเหมาะเป็นประจำสม่ำเสมอ คือ ดื่ม 1 โก (GO) หน่วยแอลกอฮอล์ = มีเอทานอล 22 กรัม หรือเท่ากับปริมาณเบียร์ 500 มิลลิลิตร เช่น ปริมาณแอลกอฮอล์ที่เหมาะสมกับการดื่มใน 1 วัน อาทิ เบียร์ ผู้ชายไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 แก้ว และผู้หญิงไม่ควรดื่มเกินวันละ 1 แก้ว
ปริมาณมาตรฐาน (beer)
1 แก้วเบียร์ = 1 GO = 500 มิลลิลิตร
ทั้งนี้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มแต่ละชนิดมีสัดส่วนไม่เท่ากัน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทราบสัดส่วนที่ถูกต้อง เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไปตายเร็วแน่นอน “ดื่มเหล้าในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยเส้นเลือด ช่วยหัวใจ ช่วยอัลไซเมอร์ เพราะสารพิษในสมองเวลามันเลาะออกจากสมองแล้วมันจะลงมายังเส้นเลือด ถ้าเส้นเลือดเราแข็งมันทิ้งขยะไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราช่วยเส้นเลือดได้ เราก็เท่ากับช่วยทางอ้อมที่กำจัดพิษจากสมอง”

* แอลกอฮอล์(whisky)ไม่ช่วยเรื่องเกี่ยวกับความดันโลหิตต่ำ เพราะยังไม่หลักฐานพอจะอ้างได้ อย่างไรก็ดี คนท้องก็ดี แอลกอฮอล์ก็ไม่ดีสำหรับคนท้อง

* เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า(dog sad) คนที่ถูกสุนัขกัด (โดยที่ยังไม่รู้ว่าสุนัขเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่) ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนรอบสะดือ 14 เข็ม อีกต่อไปแล้ว คุณหมอบอกว่า จากผลงานศึกษาของทั่วโลก พบว่า นอกจากจะไม่ช่วยคนไข้แล้ว ยังอาจจะช่วยไห้คนไข้ตายเร็วขึ้นเพราะแพ้เซรุ่มพิษสุนัขบ้าอีกด้วย

No comments:

Post a Comment