เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิด สำหรับคุณผู้หญิงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้ ลูกพรุน (Prunes) ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด ถั่ว ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม “ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ” ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่าเมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย)ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
แอปเปิ้ล มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ “เพคติน” แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว “เพคติน”นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้ง และน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 %ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที
บรอคโคลี่ เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะบรอค-โคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติซึ่งเจ้าตัว ซีลีเนียมนี้ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลี-เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย กล้วยไข่ กล้วยทุกชนิด ดีต่อสุขภาพแต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีน โดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้วความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ฝรั่ง ฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึงไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน(ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆน่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำ ส้ม แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วย
ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น สำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้วผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาด-ในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน
ขอบคุณเนื้อหาจาก ..สสส.
Thai Health Thai Food & Thai Spa สุขภาพที่ดีของคนไทย แนะนำข้อมูลโภชนาการ อาหาร สมุนไพรไทย และอื่นๆ
Wednesday, June 17, 2009
กินอย่างไรให้สุขภาพดี
ไม่ว่าในสภาพอากาศแบบไหน เคล็ดลับการบริโภคที่จะทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายดีได้ตลอดปี คือ
ดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวทุกเช้าเพราะน้ำมะนาวจะช่วยล้างทำความสะอาดระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่ น้ำมะนาวจะช่วยขับเสมหะด้วยค่ะ
ควบคุมการรับประทานอาหารให้สมดุลเพราะ ภาวะโภชนาการที่ดี คือ ต้องมีความพอดีระหว่าง คาร์โบไฮเดรต กับ โปรตีน และควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 2 ลิตร และออกกำลังกายสัปดาห์ละ 4 - 5 ชั่วโมง
อย่าติดกาแฟการบริโภคกาแฟมาก ๆ ทำให้ร่างกายขาดน้ำและหงุดหงิด วิธีแก้สำหรับผู้ติดกาแฟ คือ เมื่อใดที่คิดจะดื่มกาแฟ ก็ดื่มน้ำเปล่าไปก่อน 1 แก้วใหญ่ วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้หายหงุดหงิดระหว่างทำงานแล้ว ยังทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ด้วย
คุณค่าของอาหารเช้าเลือกทานอาหารเช้าที่มีคุณค่า ควรงดของทอด ของมัน อาหารรสจัด ควรรับประทาน โยเกิร์ต ผัก ผลไม้ สักชามและปิดท้ายด้วยน้ำผลไม้สักแก้ว ก็จะทำให้ร่างกายสดชื่นตลอดทั้งวันได้ค่ะ
ควรบริโภคอาหารที่มีไขมันบ้างเพราะร่างกายคนเรายังต้องการไขมันในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
มื้อกลางวันกับอาหารแป้งร่างกายต้องการแป้งในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้มีเรี่ยวแรงทำงานได้ตลอดบ่าย ในเมนูมื้อกลางวันลองเลือกรับประทานอาหารประเภทแป้งที่มีเส้นใยไฟเบอร์ อย่างเช่นขนมปังโฮลวีต และข้าวโอ๊ตดูบ้าง นอกจากจะช่วยให้อิ่มท้องและยังช่วยลดคลอเลสเตอรอลได้ด้วย
ดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวทุกเช้าเพราะน้ำมะนาวจะช่วยล้างทำความสะอาดระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่ น้ำมะนาวจะช่วยขับเสมหะด้วยค่ะ
ควบคุมการรับประทานอาหารให้สมดุลเพราะ ภาวะโภชนาการที่ดี คือ ต้องมีความพอดีระหว่าง คาร์โบไฮเดรต กับ โปรตีน และควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 2 ลิตร และออกกำลังกายสัปดาห์ละ 4 - 5 ชั่วโมง
อย่าติดกาแฟการบริโภคกาแฟมาก ๆ ทำให้ร่างกายขาดน้ำและหงุดหงิด วิธีแก้สำหรับผู้ติดกาแฟ คือ เมื่อใดที่คิดจะดื่มกาแฟ ก็ดื่มน้ำเปล่าไปก่อน 1 แก้วใหญ่ วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้หายหงุดหงิดระหว่างทำงานแล้ว ยังทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ด้วย
คุณค่าของอาหารเช้าเลือกทานอาหารเช้าที่มีคุณค่า ควรงดของทอด ของมัน อาหารรสจัด ควรรับประทาน โยเกิร์ต ผัก ผลไม้ สักชามและปิดท้ายด้วยน้ำผลไม้สักแก้ว ก็จะทำให้ร่างกายสดชื่นตลอดทั้งวันได้ค่ะ
ควรบริโภคอาหารที่มีไขมันบ้างเพราะร่างกายคนเรายังต้องการไขมันในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
มื้อกลางวันกับอาหารแป้งร่างกายต้องการแป้งในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้มีเรี่ยวแรงทำงานได้ตลอดบ่าย ในเมนูมื้อกลางวันลองเลือกรับประทานอาหารประเภทแป้งที่มีเส้นใยไฟเบอร์ อย่างเช่นขนมปังโฮลวีต และข้าวโอ๊ตดูบ้าง นอกจากจะช่วยให้อิ่มท้องและยังช่วยลดคลอเลสเตอรอลได้ด้วย
ลดเสี่ยงโรคหัวใจขาดเลือด เบาหวาน หัวใจวาย ด้วยการออกกำลังกาย และรักสุขภาพ
ผู้ป่วยเบาหวานจะมีอายุสั้นกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวาน เฉลี่ยประมาณ 10-15 ปี สาเหตุการเสียชีวิตที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยเบาหวานคือ หัวใจวายหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน
ปัจจัย เสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ได้แก่ การสูบบุหรี่ ประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ไม่ออกกำลังกาย ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวานถึง 2-3 เท่า เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานมีปัจจัยเสี่ยงมากมายในการเกิดโรคดังกล่าว
โรคหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานป้องกันได้ ถ้าเคร่งครัดต่อการปฏิบัติตัวต่อสุขภาพ ในอนาคตผู้ป่วยเบาหวานจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดน้อยลง
โรคเบาหวานทำให้ไขมันในเลือดผิดปกติ คือ มีผลทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และดับเอช-ดี-แอล คอเลสเตอรอล (คอเลสเตอรอลชนิดดี) ในเลือดต่ำ โรคเบาหวานมีความสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยเบาหวานจะมีความดันโลหิตสูงมากกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวานถึง 2 เท่า โดยเฉพาะถ้าเป็นเบาหวานลงไตแล้ว จะพบความดันโลหิตสูงได้บ่อยมากนอกจากนี้ ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเอง ก็มีผลทำให้หลอดเลือดแดงตีบตันได้
ผู้ป่วยเบาหวานจะป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคหัวใจขาดเลือดได้ โดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาดควบคุมอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลน้อย งดเครื่องดื่มและอาหารที่มีรสหวาน ควบคุมปริมาณอาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว และจากการสำรวจ พบว่าข้าวกล้องมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มน้อยกว่าข้าวขัดขาว
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขาหมู หนังสัตว์ เครื่องใน หอยนางรม ไข่แดง เป็นต้น ควรรับประทานอาหารประเภทผักและถั่วให้มากและรับประทานผลไม้พอประมาณ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม กรณีที่มีความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ป่วยเบาหวานควรมีระดับไขมันแอล-ดี-แอล คอเลสเตอรอล (คอเลสเตอรอลชนิดร้าย) กว่า 150 มก./ดล. ระดับความดันโลหิตควรน้อยกว่า 130/80 มม.ปรอท ระดับน้ำตาลในเลือดขณะงดอาหารควรจะน้อยกว่า 120 มก./ดล. และน้ำตาลเฉลี่ยหรือน้ำตาลสะสมในเลือด (ฮีโมโกลบิน เอ-วัน-ซี) ควรน้อยกว่า 7.0%
ผู้ป่วยบางรายที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างอาจจะต้องรับประทานแอสไพรินขนาดเล็กร่วมด้วย เพื่อป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
ที่มา : โรงพยาบาลราชวิถี
ปัจจัย เสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ได้แก่ การสูบบุหรี่ ประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ไม่ออกกำลังกาย ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวานถึง 2-3 เท่า เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานมีปัจจัยเสี่ยงมากมายในการเกิดโรคดังกล่าว
โรคหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานป้องกันได้ ถ้าเคร่งครัดต่อการปฏิบัติตัวต่อสุขภาพ ในอนาคตผู้ป่วยเบาหวานจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดน้อยลง
โรคเบาหวานทำให้ไขมันในเลือดผิดปกติ คือ มีผลทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และดับเอช-ดี-แอล คอเลสเตอรอล (คอเลสเตอรอลชนิดดี) ในเลือดต่ำ โรคเบาหวานมีความสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยเบาหวานจะมีความดันโลหิตสูงมากกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวานถึง 2 เท่า โดยเฉพาะถ้าเป็นเบาหวานลงไตแล้ว จะพบความดันโลหิตสูงได้บ่อยมากนอกจากนี้ ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเอง ก็มีผลทำให้หลอดเลือดแดงตีบตันได้
ผู้ป่วยเบาหวานจะป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคหัวใจขาดเลือดได้ โดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาดควบคุมอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลน้อย งดเครื่องดื่มและอาหารที่มีรสหวาน ควบคุมปริมาณอาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว และจากการสำรวจ พบว่าข้าวกล้องมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มน้อยกว่าข้าวขัดขาว
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขาหมู หนังสัตว์ เครื่องใน หอยนางรม ไข่แดง เป็นต้น ควรรับประทานอาหารประเภทผักและถั่วให้มากและรับประทานผลไม้พอประมาณ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม กรณีที่มีความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ป่วยเบาหวานควรมีระดับไขมันแอล-ดี-แอล คอเลสเตอรอล (คอเลสเตอรอลชนิดร้าย) กว่า 150 มก./ดล. ระดับความดันโลหิตควรน้อยกว่า 130/80 มม.ปรอท ระดับน้ำตาลในเลือดขณะงดอาหารควรจะน้อยกว่า 120 มก./ดล. และน้ำตาลเฉลี่ยหรือน้ำตาลสะสมในเลือด (ฮีโมโกลบิน เอ-วัน-ซี) ควรน้อยกว่า 7.0%
ผู้ป่วยบางรายที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างอาจจะต้องรับประทานแอสไพรินขนาดเล็กร่วมด้วย เพื่อป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
ที่มา : โรงพยาบาลราชวิถี
6 เมนูอาหาร ช่วยระงับโรคหิว

วัยรุ่นยุคนี้มักกินจุบกินจิบ เพราะรู้สึกว่าตัวเองหิวอยู่บ่อยๆ พฤติกรรมที่ว่าเกิดจากอะไร ลองมาสังเกตตัวเอง แล้วปรับเปลี่ยนสักนิดเพื่อสุขภาพที่ดีกว่ากันไหมคะ
เมื่อกินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลมาก ร่างกายจะผลิตอินซูลินออกมามากเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเมื่อระดับน้ำตาลลดลงอย่างรวดเร็ว ก็รู้สึกอยากกินโน่นกินนี่ขึ้นมาอีก
วันนี้ขอแนะนำอาหารที่อุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่จะมาช่วยลดพฤติกรรมเหล่านี้ค่ะ
ข้าวกล้องข้าวกล้องและธัญพีชที่ไม่ขัดขาว อุดมไปด้วยโครเมียมที่ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ มีแมกนีเซียมที่ช่วยปรับระดับอินซูลิน แถมด้วยวิตามินบีที่จำเป็นต่อระบบเมแทบอลิซึม
อาหารทะเลอาหารทะเล ลองหันมากินปลา หอย ปลาเล็กปลาน้อยที่มีซีลีเนียม แมกนีเซียม แคลเซียม และสังกะสี แร่ธาตุเหล่านี้ช่วยรักษาสมดุลของสารสื่อประสาท ทำให้ไม่หิวบ่อย
ถั่ว ของกินเล่นช่วยให้อารมณ์ดีที่อุดมด้วยวิตามินบีและแมกนีเซียม ช่วยในการปรับระดับอินซูลิน และช่วยการทำงานของระบบประสาท
แอ๊ปเปิ้ลแอปเปิ้ล มีเส้นใยอาหารมาก ทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้และชนิดที่ไม่ละลายน้ำ กินแล้วอยู่ท้อง รสชาติไม่หวานจัด และเป็นผลไม้ที่ดีต่อร่างกายทุกส่วน
ลูกพรุนลูกพรุน อุดมด้วยโครเมียม กินครั้งละน้อยๆจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้
ลูกเกดลูกเกด กินเป็นของว่าง ทำให้ไม่คิดถึงขนมขบเคี้ยว ลูกเกดมีแมงกานีสที่ี่ช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างช้า ๆ ทำให้ไม่หิวบ่อย
ที่มา : http://www.womaninfocus.com/
เมื่อกินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลมาก ร่างกายจะผลิตอินซูลินออกมามากเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเมื่อระดับน้ำตาลลดลงอย่างรวดเร็ว ก็รู้สึกอยากกินโน่นกินนี่ขึ้นมาอีก
วันนี้ขอแนะนำอาหารที่อุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่จะมาช่วยลดพฤติกรรมเหล่านี้ค่ะ
ข้าวกล้องข้าวกล้องและธัญพีชที่ไม่ขัดขาว อุดมไปด้วยโครเมียมที่ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ มีแมกนีเซียมที่ช่วยปรับระดับอินซูลิน แถมด้วยวิตามินบีที่จำเป็นต่อระบบเมแทบอลิซึม
อาหารทะเลอาหารทะเล ลองหันมากินปลา หอย ปลาเล็กปลาน้อยที่มีซีลีเนียม แมกนีเซียม แคลเซียม และสังกะสี แร่ธาตุเหล่านี้ช่วยรักษาสมดุลของสารสื่อประสาท ทำให้ไม่หิวบ่อย
ถั่ว ของกินเล่นช่วยให้อารมณ์ดีที่อุดมด้วยวิตามินบีและแมกนีเซียม ช่วยในการปรับระดับอินซูลิน และช่วยการทำงานของระบบประสาท
แอ๊ปเปิ้ลแอปเปิ้ล มีเส้นใยอาหารมาก ทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้และชนิดที่ไม่ละลายน้ำ กินแล้วอยู่ท้อง รสชาติไม่หวานจัด และเป็นผลไม้ที่ดีต่อร่างกายทุกส่วน
ลูกพรุนลูกพรุน อุดมด้วยโครเมียม กินครั้งละน้อยๆจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้
ลูกเกดลูกเกด กินเป็นของว่าง ทำให้ไม่คิดถึงขนมขบเคี้ยว ลูกเกดมีแมงกานีสที่ี่ช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างช้า ๆ ทำให้ไม่หิวบ่อย
ที่มา : http://www.womaninfocus.com/
ผลไม้เพื่อสุขภาพ : มะม่วง
มะม่วง ผลไม้ยอดฮิตที่นิยมบริโภคตลอดปี ไม่ว่าจะบ้านไหน เรือนไหนก็นิยมปลูกกันไว้ในรั้วบ้าน มะม่วงนอกจากจะนำมารับประทานได้หลายรูปแบบแล้วยังเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาได้เป็นอยางดี ส่วนอื่นๆ ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้ อาทิ ใบ ดอกมะวม่วง มีวิตามินเอและซีสูง และยังมีสารอาหารอื่นๆ อีก เรียกได้ว่า มะม่วงลูกหนึ่งมีสารอาหารเกือบครบเลยทีเดียว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาจหายไปได้โดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะมะม่วงก็มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรมากเหมือนกัน
ชื่ออื่น ขุ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) แป (ละว้า-เชียงใหม่) โคกแล้ะ (ละว้า-กาญจนบุรี) เจาะ ช้อก ซ้อก (ชอง-จันทบุรี) เปา (มลายู-ภาคใต้) สะวาย (เขมร) ส่าเคาะส่า สะเคาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) มะม่วงบ้าน (ทั่วไป) มะม่วงสวน (ภาคกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mangifera indica Linn.วงศ์ ANACARDIACEAE
ลักษณะ มะม่วงเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูง เปลือกต้นหนาสีเทาขรุขระแตกเป็นเกร็ดๆ แตกกิ่งก้านสาขาออกไปรอบต้นมากมายใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ลักษณะของใบเรียวแหลม คล้ายรูปหอก กว้าง 2-9 ซ.ม. ยาว 10-30 ซ.ม. ใบหนารอบใบเรียบ ดอก ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ ช่อหนึ่งมีประมาณ 15-20 ดอก แต่ละช่อมีดอกย่อยถึง 3000 ดอก มีสีเหลืองอ่อน มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีกลีบดอก 5 กลีบ
ผล มีรูปร่างคล้ายรูปไต ผลดิบมีสีเขียว ผลสุกมีสีเหลืองและรสหวาน หนึ่งผลมีเมล็ดเดียว ลักษณะแบน เป็นรูปไข่รีขนาดใหญ่ ส่วนที่ใช้ เมล็ด ผล ใบ เปลือกลำต้น
สรรพคุณทางยาสมุนไพร
เมล็ดสดๆ มารับประทาน หรือนำมาโรยเกลือ รับประทานเพื่อขับปัสสาวะหรือแก้บวมน้ำ เนื้อในเมล็ดใช้แก้ท้องร่วง ผลมะม่วง นำมาคั้นรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะหรือร้อนใน แก้คลื่นไส้ แก้บิดถ่ายเป็นเลือด และใช้เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร ใบมะม่วง นำมาพอประมาณต้มรับประทานแก้ซางตานขโมยในเด็ก แก้ลำไส้อักเสบ หรือใช้ใบสดๆ ตำพอกบริเวณที่เป็นแผลสด จะเป็นยาสมานแผลสดได้ดีที่เดียว เปลือกลำต้นมะม่วง ใช้เปลือกสดๆ มาต้มรับประทานเป็นยาแก้โรคคอตีบ เยื่อปากอักเสบ จมูกอักเสบ
คุณค่าทางอาหาร
มะม่วงดิบมักออกรสเปรี้ยว เอาไปทำของคาวได้หลายอย่าง ที่เห็นบ่อยมากคือ นำไปจิ้มน้ำพริก ใช้ยำ หรือผสมอาหารที่มีรสเปรี้ยวแทนมะนาว เช่น ยำมะม่วง น้ำพริก ต้มยำ
ในส่วนที่นำไปเป็นของว่างนั้น มะม่วงดิบรับประทานเป็นมะม่วงน้ำปลาหวาน เมี่ยงส้ม มะม่วงสุกที่มีรสหวาน นำมารับประทานกับข้าวเหนียว กวนเป็นแผ่น หรือนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้
มะม่วงอุดมด้วยฟอสฟอรัส และแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันไม่ให้เปราะหักง่าย นอกจากนั้นยังมีวิตามินซีอยู่ในปริมาณมาก ช่วนเสริมสร้างภูมิคุ้นกันให้แข็งแรง ป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคหวัด และมีวิตามินบี 1 ป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด
คุณค่าทางโภชนาการและอาหารในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัมพลังงาน 67 แคลอรี่โปรตีน 0.5 กรัมไขมัน 0.2 กรัมคาร์โบไฮเดรต 15.7 กรัมใยอาหาร 2.4 กรัมแคลเซียม 14.00 มิลลิกรัมฟอสฟอรัส 2 มิลลิกรัมเหล็ก มีน้อยมากเบต้าแคโรทีน 37 ไมโครกรัมวิตามีนบี 1 0.05 มิลลิกรัมวิตามีนบี 2 0.02 มิลลิกรัมไนอะซีน 0.2 มิลลิกรัมวิตามีนซี 35 มิลลิกรัม
ที่มา : หนังสือ คัมภีร์แพทย์สมุนไพร ผลไม้สมุนไพรและพืชผักสวนครัว
ชื่ออื่น ขุ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) แป (ละว้า-เชียงใหม่) โคกแล้ะ (ละว้า-กาญจนบุรี) เจาะ ช้อก ซ้อก (ชอง-จันทบุรี) เปา (มลายู-ภาคใต้) สะวาย (เขมร) ส่าเคาะส่า สะเคาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) มะม่วงบ้าน (ทั่วไป) มะม่วงสวน (ภาคกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mangifera indica Linn.วงศ์ ANACARDIACEAE
ลักษณะ มะม่วงเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูง เปลือกต้นหนาสีเทาขรุขระแตกเป็นเกร็ดๆ แตกกิ่งก้านสาขาออกไปรอบต้นมากมายใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ลักษณะของใบเรียวแหลม คล้ายรูปหอก กว้าง 2-9 ซ.ม. ยาว 10-30 ซ.ม. ใบหนารอบใบเรียบ ดอก ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ ช่อหนึ่งมีประมาณ 15-20 ดอก แต่ละช่อมีดอกย่อยถึง 3000 ดอก มีสีเหลืองอ่อน มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีกลีบดอก 5 กลีบ
ผล มีรูปร่างคล้ายรูปไต ผลดิบมีสีเขียว ผลสุกมีสีเหลืองและรสหวาน หนึ่งผลมีเมล็ดเดียว ลักษณะแบน เป็นรูปไข่รีขนาดใหญ่ ส่วนที่ใช้ เมล็ด ผล ใบ เปลือกลำต้น
สรรพคุณทางยาสมุนไพร
เมล็ดสดๆ มารับประทาน หรือนำมาโรยเกลือ รับประทานเพื่อขับปัสสาวะหรือแก้บวมน้ำ เนื้อในเมล็ดใช้แก้ท้องร่วง ผลมะม่วง นำมาคั้นรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะหรือร้อนใน แก้คลื่นไส้ แก้บิดถ่ายเป็นเลือด และใช้เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร ใบมะม่วง นำมาพอประมาณต้มรับประทานแก้ซางตานขโมยในเด็ก แก้ลำไส้อักเสบ หรือใช้ใบสดๆ ตำพอกบริเวณที่เป็นแผลสด จะเป็นยาสมานแผลสดได้ดีที่เดียว เปลือกลำต้นมะม่วง ใช้เปลือกสดๆ มาต้มรับประทานเป็นยาแก้โรคคอตีบ เยื่อปากอักเสบ จมูกอักเสบ
คุณค่าทางอาหาร
มะม่วงดิบมักออกรสเปรี้ยว เอาไปทำของคาวได้หลายอย่าง ที่เห็นบ่อยมากคือ นำไปจิ้มน้ำพริก ใช้ยำ หรือผสมอาหารที่มีรสเปรี้ยวแทนมะนาว เช่น ยำมะม่วง น้ำพริก ต้มยำ
ในส่วนที่นำไปเป็นของว่างนั้น มะม่วงดิบรับประทานเป็นมะม่วงน้ำปลาหวาน เมี่ยงส้ม มะม่วงสุกที่มีรสหวาน นำมารับประทานกับข้าวเหนียว กวนเป็นแผ่น หรือนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้
มะม่วงอุดมด้วยฟอสฟอรัส และแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันไม่ให้เปราะหักง่าย นอกจากนั้นยังมีวิตามินซีอยู่ในปริมาณมาก ช่วนเสริมสร้างภูมิคุ้นกันให้แข็งแรง ป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคหวัด และมีวิตามินบี 1 ป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด
คุณค่าทางโภชนาการและอาหารในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัมพลังงาน 67 แคลอรี่โปรตีน 0.5 กรัมไขมัน 0.2 กรัมคาร์โบไฮเดรต 15.7 กรัมใยอาหาร 2.4 กรัมแคลเซียม 14.00 มิลลิกรัมฟอสฟอรัส 2 มิลลิกรัมเหล็ก มีน้อยมากเบต้าแคโรทีน 37 ไมโครกรัมวิตามีนบี 1 0.05 มิลลิกรัมวิตามีนบี 2 0.02 มิลลิกรัมไนอะซีน 0.2 มิลลิกรัมวิตามีนซี 35 มิลลิกรัม
ที่มา : หนังสือ คัมภีร์แพทย์สมุนไพร ผลไม้สมุนไพรและพืชผักสวนครัว
Subscribe to:
Posts (Atom)